6 เทคโนโลยี ช่วยโลกปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือการใช้ชีวิตในโลกที่สภาพอากาศไม่เป็นไปตามเดิม จากรายงานของ World Economic Forum เรื่อง “Innovation and Adaptation in the Climate Crisis: Technology for the New Normal” ได้กล่าวถึง 6 เทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูล ที่อาจมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้โลกปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมตั้งแต่การเสริมสร้างการวิเคราะห์ความเสี่ยง การทำให้ห่วงโซ่อุปทานทนต่อสภาพอากาศ การตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน ไปจนถึงการขับเคลื่อน R&D เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีภูมิอากาศรุ่นถัดไป

1. AI เพื่อการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ
แบบจำลองภูมิอากาศและสภาพอากาศที่แม่นยำและซับซ้อนมากขึ้น กำลังถูกพัฒนาด้วย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัวอย่างเช่น AI สามารถเพิ่มข้อมูลอุณหภูมิผิวทะเลลงในแบบจำลองมหาสมุทร ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิจัยมนุษย์ไม่สามารถทำได้ ทำให้เข้าใจความเร็วของกระแสน้ำในมหาสมุทรได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมี ตัวอย่างอื่น ๆ เช่น ระบบบำบัดน้ำอัจฉริยะที่ช่วยป้องกันน้ำท่วมจากฝนตกหนัก การพัฒนาพืชที่ทนแล้งได้ดีขึ้น

2. โดรนเพื่อการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ
โดรน หรือ อากาศยานไร้คนขับ (UAV) สามารถติดตั้งกล้องความละเอียดสูงและครอบคลุมพื้นที่กว้าง โดรนสามารถติดตั้งเซ็นเซอร์ขั้นสูงเพื่อตรวจจับความผิดปกติ ระบบระบุตำแหน่งอย่างแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเก็บข้อมูลภาพเกี่ยวกับความเสี่ยงและผลกระทบจากภูมิอากาศ เช่น ตรวจสอบแหล่งน้ำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในสถานการณ์ภัยพิบัติ รวมถึงช่วยค้นหาและช่วยเหลือในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก

3. ระบบสังเกตการณ์โลก (Earth Observation)
การสังเกตการณ์โลก ใช้ดาวเทียมและเทคโนโลยีตรวจจับระยะไกล หรือเทคนิคตามตำแหน่ง เช่น สถานีอากาศ เพื่อติดตามความเปลี่ยนแปลงบนโลก อีกทั้ง ข้อมูลจากดาวเทียมจำนวนมหาศาลช่วยให้นักวิทยาศาสตร์จัดการทรัพยากรโลกได้ดีขึ้น อย่างดาวเทียมของ European Space Agency ช่วยเปิดเผยข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับสภาพอากาศของโลก เช่น การละลายของน้ำแข็งและทรัพยากรน้ำ นอกจากนี้ การสังเกตการณ์โลกยังเป็นหัวใจของระบบเตือนภัยล่วงหน้า เช่น การตรวจจับพายุล่วงหน้าก่อนเกิดขึ้น

4. คอมพิวเตอร์ขั้นสูงเพื่อการปรับตัว
การใช้ คอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง (Supercomputers) หรือ คอมพิวเตอร์ควอนตัม (Quantum Computing) ซึ่งสามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าระบบปกติ ซึ่ง Quantum computing ช่วยพัฒนาแบบจำลองภูมิอากาศ โดยสามารถคาดการณ์กระบวนการที่สำคัญ เช่น การเคลื่อนที่ของของไหล ซึ่งยากมากสำหรับคอมพิวเตอร์ทั่วไป ส่วน Supercomputing เริ่มมีการใช้งานแพร่หลายขึ้น ช่วยในการจำลองสภาพอากาศและภูมิอากาศ

5. Internet of Things (IoT) เพื่อการปรับตัว
Internet of Things (IoT) คือ เครือข่ายอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกัน เช่น เซ็นเซอร์หรืออุปกรณ์มือถือ ที่สามารถแบ่งปันข้อมูลและตรวจสอบระบบต่าง ๆ ได้อย่างอัตโนมัติ โดย IoT ถูกใช้เพื่อตรวจจับและแชร์ข้อมูลใหม่ เช่น การเปลี่ยนแปลงของคุณภาพอากาศ อุณหภูมิ ควันจากไฟป่า อย่างบริษัท PanoAI จากแคลิฟอร์เนีย พัฒนาแพลตฟอร์มที่ใช้ IoT ตรวจจับไฟป่า พร้อมส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและบริการฉุกเฉิน โดยระบบสามารถตรวจสอบพื้นที่มากกว่า 5 ล้านเอเคอร์ และตรวจจับไฟได้หลายพันจุด

6. AR และ VR เพื่อการรับมือกับสภาพภูมิอากาศ
AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) เป็นเทคโนโลยีที่ให้ประสบการณ์แบบ "เสมือนจริง"และกำลังถูกใช้มากขึ้นเพื่อ เปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตัวอย่างเช่น Climate Tipping Points Hub ซึ่งเป็นประสบการณ์ VR แบบอินเทอร์แอกทีฟที่ใช้ 3D จำลองการเปลี่ยนแปลงของน้ำแข็งทะเลอาร์กติก เพื่อแสดงให้เห็นว่า ผลกระทบภูมิอากาศมีลักษณะเป็น "โดมิโน" ที่ลุกลามต่อเนื่องกัน